ย่ำหิมะย้อนเวลา ชิราคาวาโกะและทาคายามะ - LIV | dtac
วันนี้เราจะไปเที่ยวหมู่บ้านมรดกโลกชิราคาวาโกะ แล้วแวะค้างคืนแช่ออนเซ็นคลายหนาวที่ทาคายามะ เมืองเก่าที่ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งสมัยเอโดะกันค่ะ
เนื่องจากทริปนี้เราเลือกปักหลักที่เมืองคานาซาวะ ความเดิมตอนที่แล้ว บันทึกถึงคานาซาวะ เมืองที่เป็นมากกว่าทางผ่าน เลยฝากสัมภาระส่วนใหญ่ไว้ที่โรงแรม (Mystays Premier Kanazawa) ส่วนตัวเองก็หิ้วกระเป๋าใบเล็กติดตัวไปคนละใบ หลังจัดการเรื่องฝากกระเป๋าเรียบร้อยแล้วก็เดินไปหาอาหารเช้าอร่อย ๆ กินที่สถานีคานาซาวะ
อิ่มแล้วใช้ JR Pass คู่ใจขึ้นชินคันเซ็นไปลงที่สถานีโทยามะก่อนต่อรถไฟ Limited Express ไปเมืองทาคายามะ ทั้งหมดนี้ใช้เวลาแค่ 2 ชม. นิด ๆ นั่งชมวิวไปแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว
มาถึงทาคายามะเราเห็นว่ามีเวลาเหลือเฟือเลยเอาของไปฝากไว้ที่เรียวกังอันเป็นที่พักของเราในคืนนี้ก่อน เรียวกังแห่งนี้มีชื่อว่า Oyado Koto No Yume เป็นบ้านไม้สไตล์ญี่ปุ่นสุดคลาสสิกอยู่ห่างจากสถานีแค่ 5 นาที เราติดใจที่นี่ตั้งแต่เห็นรูปใน Agoda ถึงราคาจะสูงสักหน่อยเพราะมีอาหารเช้าชุดใหญ่และออนเซ็นให้แช่ส่วนตัว แต่โชคดีที่เป็นลูกค้าดีแทคเลยได้ส่วนลดพิเศษจาก dtac reward และ Agoda เลยกดจองไปอย่างสบายใจไม่เบียดเบียนเงินในกระเป๋าเท่าไร
ตอนมาถึง คุณป้าเจ้าของพร้อมลูกชายหนุ่มรูปหล่อยืนยิ้มรอต้อนรับที่เคาน์เตอร์แล้ว ชายหนุ่มกุลีกุจอช่วยหอบหิ้วกระเป๋าไปเก็บให้อย่างดี เราแอบชะโงกดูล็อบบี้และบริเวณโดยรอบแบบเร็ว ๆ รอบหนึ่ง ที่พักสวยสมราคา แต่พอคิดได้ว่ายังมีเวลาอยู่ที่นี่อีกทั้งคืน เลยตัดใจเดินไปขึ้นรถบัสที่อยู่ติดกับสถานีทาคายามะเพื่อไปชิราคาวาโกะกันก่อน (ตารางรถบัส) นั่งรถไปประมาณ 45 นาที ก็ถึงแล้ว
เมื่อมาถึง รถจะจอดให้เราลงบริเวณที่จอดรถด้านหน้า ไม่ต้องกลัวหลงนะคะ แค่เดินตามคนไปเรื่อย ๆ ก็เจอสะพานไม้ทางเข้าหมู่บ้านแล้ว สะพานนี้ทอดผ่านแม่น้ำเล็ก ๆ ริมตลิ่งทั้งสองด้านปกคลุมด้วยหิมะ ฉากหลังเป็นเทือกเขามีต้นไม้ใหญ่เรียงราย เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่ควรถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก
ข้ามสะพานไปจะเข้าสู่บริเวณหมู่บ้านที่ยังคงอนุรักษ์บ้านเก่าที่มีความพิเศษตรงหลังคาทรงสูง ทำมาจากไม้ หญ้าคาและดินเหนียวที่มีความชันมากถึง 60 องศา มองไกล ๆ คล้ายคนพนมมือ จึงเรียกว่าทรง Gassho-zukuri แปลว่าสร้างแบบพนมมือ ถือเป็นเอกลักษณ์ประจำท้องถิ่นที่ยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีเยี่ยมจนได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก
หิมะที่ตกมาหลายวันแล้วทำให้พื้นดินรอบหมู่บ้านขาวโพลนสะอาดตา หลังคาบ้านหลังเล็กหลังน้อยที่เราเดินผ่านกลายเป็นสีขาวเพราะมีหิมะปกคลุมเป็นชั้นหนา มอง ๆ ไปเหมือนบ้านตุ๊กตาในเทพนิยาย แถมชายคาบ้านบางหลังยังเห็นน้ำแข็งแท่งเรียวเล็กแวววาวเหมือนผลึกแก้วเกาะอยู่ สวยจับใจเกินกว่าที่จินตนาการ
เมื่อย่างเท้าเข้าสู่บริเวณหมู่บ้าน เรารู้สึกเหมือนกำลังเดินย้อนไปสู่อดีตเมื่อหลายร้อยปีก่อน ด้วยทัศนียภาพของป่าเขาที่โอบล้อมหมู่บ้านแห่งนี้ไว้ตามธรรมชาติอย่างงดงาม ประกอบกับบ้านเรือนที่ยังคงรูปทรงแบบดั้งเดิม แถมยังคงมีคนใช้ชีวิตอยู่ในนี้จริง ๆ ทำให้เราต้องทึ่งกับความใส่ใจของคนที่นี่ในการเก็บรักษามรดกเก่าแก่ของท้องถิ่นตัวเองเอาไว้ได้อย่างน่าชื่นชมจริง ๆ
ยิ่งเดินลึกเข้าไปภายในหมู่บ้าน ก็ยิ่งประทับใจกับบรรยากาศโดยรอบ หิมะที่โปรยลงมาไม่ขาดสายไม่เป็นอุปสรรคใด ๆ เลย กลับยิ่งทำให้ที่นี่ดูมีเสน่ห์มนต์ขลังอย่างน่าประหลาด หิมะที่ตกมาหลายวันแล้วทำให้พื้นดินรอบหมู่บ้านขาวโพลนสะอาดตา หลังคาบ้านหลังเล็กหลังน้อยที่เราเดินผ่านกลายเป็นสีขาวเพราะมีหิมะปกคลุมเป็นชั้นหนา มอง ๆ ไปเหมือนบ้านตุ๊กตาในเทพนิยาย แถมชายคาบ้านบางหลังยังเห็นน้ำแข็งแท่งเรียวเล็กแวววาวเหมือนผลึกแก้วเกาะอยู่ สวยจับใจเกินกว่าที่จินตนาการไว้มากเลยทีเดียวค่ะ
หลังเดินย่ำหิมะ ดื่มด่ำกับความงามกันจนหนำใจแล้ว ท้องก็เริ่มร้อง ถึงเวลาต้องเติมพลังกันอีกสักมื้อ เราเลยเดินย้อนกลับไปบริเวณด้านหน้าทางเข้าใกล้ที่จอดรถที่เราเล็งไว้ตั้งแต่แรกว่ามีร้านอาหารน่านั่งอยู่หลายร้าน
เราเดินเข้าร้านที่มีเมนูให้เลือกหลากหลาย ทั้งข้าวราดแกงกะหรี่ ราเมน อุด้ง และเทมปุระ ระหว่างรออาหารก็ถือโอกาสเดินสำรวจเสียหน่อย ร้านใกล้เคียงส่วนมากเป็นร้านขายของที่ระลึก มีตุ๊กตาตัวกลม ๆ หน้าโล้น ๆ ที่เขาว่าเป็นรูปลิงน้อยอันเป็นเครื่องรางประจำเมืองแถวนี้ตั้งอยู่ด้านหน้าคอยรับแขก แต่ที่น่ารักถูกใจเด็กยุค 80s อย่างเรา คือ ตุ๊กตาโดราเอมอนที่ห้อยต่องแต่งตรงขอบประตูร้าน เห็นแล้วแอบยิ้ม รู้สึกเหมือนเจอเพื่อนเก่าที่ห่างหายกันไปนาน
อิ่มแล้วก็ถึงเวลาเดินย้อนกลับไปขึ้นรถ ขากลับยังไม่วายแวะถ่ายรูปหน้าร้านค้าต่าง ๆ ไปตลอดทาง
เมื่อกลับมาถึงสถานีทาคายามะ เราเดินฝ่าลมหนาวกลับที่พักกันทันทีเพราะอยากลงแช่ออนเซ็นร้อน ๆ ให้สบายตัว หลังจากเดินเที่ยวลุยหิมะมาหลายชั่วโมง หนุ่มน้อยเจ้าของเรียวกังในชุดยูกาตะคนเดิมยืนรอรับอยู่เช่นเคย พร้อมพาเราไปนั่งพักที่ห้องรับแขก
บริเวณนี้ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบญี่ปุ่น แสงสว่างนวลตาจากโคมไฟหลากรูปทรงที่กระจายอยู่ตามมุมต่าง ๆ ในขณะที่ตามโต๊ะ ชั้นวางของต่าง ๆ ก็ประดับด้วยแจกันดอกไม้เล็กใหญ่เพิ่มความสดชื่นแก่แขกผู้มาเยือน
เราเลือกนั่งชุดโซฟาติดหน้าต่างเพราะมองออกไปเห็นสวนหย่อมที่ยังมีปุยหิมะปกคลุมบางๆ ได้เต็มตา นั่งปล่อยอารมณ์ได้ไม่นาน ชายหนุ่มก็นำชาร้อนหอมกรุ่นพร้อมขนมหวานมาเสิร์ฟ ก่อนแนะนำการจองใช้ออนเซ็นส่วนตัวและอุปกรณ์ต่าง ๆ หนุ่มคนนี้ภาษาอังกฤษดีมาก รับรองไม่มีปัญหาด้านการสื่อสารแน่นอน
จากนั้นจะมีสาวน้อย (เดาว่าลูกสาวเจ้าของ) หน้าตาน่ารัก นำทางไปที่ห้อง ซึ่งเราจองเป็นห้องนอนแบบญี่ปุ่นมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ (รวมทั้งเครื่องเนสเพรสโซ่ด้วย) นั่งเล่นสักพักก็ได้เวลาแช่ออนเซ็นตามเวลาที่จองไว้ เมื่อล็อคประตูเรียบร้อย ห้องนี้ก็เป็นของเรา
เครดิต: www.kotoyume.com/th-th
เครดิต: www.kotoyume.com/th-th
การลงแช่น้ำแร่ร้อน ๆ ควันกรุ่นแบบนี้ช่วยคลายความเมื่อยล้าได้ชะงัดนัก หลังจากแช่จนสะใจแล้ว พวกเราก็แต่งตัวพร้อมออกไปหาอะไรกินแถวสถานี ก่อนค่อย ๆ เดินกลับที่พัก เข้าห้องได้ไม่นานสาวน้อยคนเดิมก็มาเคาะห้องเบา ๆ เพื่อเข้ามาปูที่นอนให้ ระหว่างรอ เราเลือกรูปที่ถ่ายในวันนี้ส่งไปอวดครอบครัวที่ไทยผ่าน ซิมโรมมิ่ง Go Inter แบบรัว ๆ หันไปอีกทีเห็นที่นอนฟู ๆ นุ่ม ๆ รอเราอยู่ เลยทนง่วงกันไม่ไหว พร้อมใจกันปิดไฟ ล้มตัวลงนอน ก่อนจะหลับไป จมูกยังกรุ่นกลิ่นหอมจาง ๆ จากเครื่องหอมที่สาวน้อยจุดทิ้งไว้ให้ ช่างเป็นอีกหนึ่งค่ำคืนที่เปี่ยมสุขจริง ๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น เราตื่นมาด้วยความสดชื่น รีบอาบน้ำ แต่งตัว ลงไปกินอาหารเช้าชุดใหญ่จัดเต็มที่ทางเรียวกังเตรียมไว้ให้ พอนั่งปุ๊บ ป้าแม่ครัวก็เริ่มเสิร์ฟอาหารมือเป็นระวิง จานเล็ก จานน้อย เรียงรายเต็มโต๊ะ เราตั้งสติ 2 วินาที ก่อนลงมือจัดการกับอาหารที่ตรงหน้าอย่างเพลิดเพลิน
เครดิต: www.kotoyume.com/th-th
หลังอิ่มแล้ว ก็ชวนกันไปเดินย่อยอาหารพลางชมเมือง หนุ่มน้อยลูกเจ้าของเรียวกังยืนรอที่เคาน์เตอร์พร้อมนำรองเท้าของพวกเราออกมาจัดเรียงรอไว้หน้าประตูเรียบร้อย ก่อนยื่นร่มให้อย่างมีน้ำใจ เพราะข้างนอกหิมะเริ่มโปรยลงมาอีกแล้ว
เดินเตร็ดเตร่ผ่านร้านค้าเรียงรายมากมาย ส่วนมากเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านที่เราชอบมากคือ ร้านขายตุ๊กตาแมวน่ารัก ๆ อดไม่ไหวต้องจัดมาคนละตัวสองตัว
ข้ามถนนมานิดเดียวก็เข้าเขตย่านเมืองเก่า ซึ่งเป็นซอยเล็ก ๆ ขนาบด้วยบ้านไม้โบราณตลอดสองข้างทาง บ้านเหล่านี้ว่ากันว่าเก่าแก่ย้อนไปตั้งแต่สมัย Ado (1600-1868) สมัยนั้นทาคายามะเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องไม้สักและฝีมือของช่างไม้ที่นี่ก็โด่งดังไม่แพ้ใคร บ้านเรือน ร้านค้า ที่ยังอนุรักษ์ไว้นี้ก็น่าจะเป็นของคหบดีหรือพ่อค้าสมัยก่อน ในยุคที่เป็นเมืองค้าขายและเศรษฐกิจอู้ฟู่ไม่น้อย
เดินไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอสะพานสีแดง จุดถ่ายรูปยอดนิยม ฉากหลังเป็นบ้านเรือนริมน้ำเก่าแก่ ริมตลิ่งทั้งสองฝั่งยังมีหิมะปกคลุม เราไม่พลาดที่จะไปยืนโพสท่าถ่ายรูปกัน ถึงจะทุลักทุเลสักหน่อยเพราะทั้งหิมะ ทั้งฝน ต่างพร้อมใจตกลงมา แอบสำนึกบุญคุณหนุ่มเรียวกังที่ให้ยืมร่มทันที
หลังจากดูท่าว่าหิมะคงตกไม่หยุด เราตัดสินใจกลับไปเอากระเป๋า ร่ำลาหนุ่มน้อยกับคุณป้าเจ้าของที่พัก ก่อนเดินทางกลับคานาซาวะเพื่อเตรียมตัวไปเที่ยวนากาโนะในวันต่อไป
โปรโมชันแนะนำ
10,700.-
ราคาปกติ 18,900.-ย้ายค่ายเหลือ 9,200.-
28,900.-
ราคาปกติ 32,900.-(เครื่องเปล่า 32,900 บาท)
บทความแนะนำ