เจ็บแต่จบ กับ 10 ประโยคบอกเลิก...ภาษาอังกฤษ เจ็บแต่จบ กับ 10 ประโยคบอกเลิก...ภาษาอังกฤษ
มัชชี่

มัชชี่

5 กันยายน 2562

SHARE THIS

โดนแฟนทิ้ง เลิกกัน ภาษาอังกฤษใช้ว่ายังไง - LIV

โดนบอกเลิกมันเจ็บ แต่ที่เฮิร์ตสุดคือ ดันฟังไม่ออกว่ากำลังโดนบอกเลิก!... ก็จะไม่ให้งงได้ยังไง ในเมื่อบางประโยคฟังดูดี๊ดี แต่ความจริงแฝงความนัยดุจโค้ดลับให้ต้องมานั่งถอดรหัสกันหลายชั้น ดังนั้น ใครไม่อยากอกหักไปพร้อม ๆ กับหน้าที่แตกดังเพล้ง จงจำประโยคเหล่านี้ให้ขึ้นใจ ได้ยินเมื่อไหร่ให้รู้ไว้เลยว่า คนรักชาวต่างชาติของเรา เขาหรือเธอคนนั้นกำลังบอกเลิก 100% จงเชิดหน้าแล้วเดินจากไปอย่างมีศักดิ์ศรี ส่วนจะไปหลบเลียแผลใจที่ไหนค่อยว่ากัน แต่นาทีนั้น เราต้องสตรองค่ะ! (ปาดน้ำตาแพร้บ)

มาดู 10 ประโยคสุดฮิตที่เขาเอาไว้บอกเลิกกัน อ่านกันสนุก ๆ ไม่เศร้าค่ะไม่เศร้า...

“It’s not you, it’s me”
เริ่มกันที่ประโยคยอดฮิตที่ “คนดี ๆ” ชอบใช้ ฟังคล้ายคนเจียมเนื้อเจียมตัว โทษตัวเองว่า “ผม/ฉัน มันไม่ดีเอง” แต่ความจริงแล้วถอดรหัสออกมาได้ว่า “ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นความผิดของเธอ เธอ เธอคนเดียว ดังนั้นเราเลิกกันเถอะ!”

“I need space”
แปลตามเนื้อผ้าคือ “ต้องการระยะห่างเพื่อทบทวนความสัมพันธ์” แต่อย่าโลกสวยว่าเขาต้องการถอยไปตั้งหลักเพื่อกลับมารักกันใหม่ให้ดูดดื่มขึ้นกว่าเดิม เพราะความจริงแล้ว เขากำลังบอกว่า เขาอยากห่างจากเรา ยิ่งไกลยิ่งดี

“We’re too alike”
ฟังแล้วคิดว่าชมว่า แหม! เราช่างมีอารมณ์ขันเหมือนกัน สดใสร่าเริงเหมือนกัน แต่รหัสชั้นแรกที่ซ่อนอยู่คือ “เราเหมือนกันเกินไป” รหัสที่ซ่อนอยู่อีกชั้นหนึ่งซึ่งเจ็บจี๊ดกว่าเดิมคือ “คุณมันน่าเบื่อสุด ๆ” (แอบกรีดน้ำตาอีกที)

“I think we should see other people”
“เราควรให้โอกาสตัวเองคบคนใหม่ ๆ" คนโลกสวยมักคิดว่า เขาคงเสียใจมากที่ความรักครั้งนี้ไปไม่รอด เลยอยากให้เราเปิดใจมองคนอื่นดูบ้าง แทนที่จะมาจมปลักอยู่แต่กับเขา แต่ความจริงแล้วมีโอกาสสูงมากที่เขาพูดประโยคนี้กับคุณหลังจากแอบปันใจให้คนอื่นไปนานแล้ว

“I think we’re better off as friends”
“เราเหมาะจะเป็นเพื่อนกันมากกว่า” ดูให้ค่ากับ “มิตรภาพ” เหนือสิ่งอื่นใด แต่หลายคนคงรู้ว่านาทีที่โดนบอกเลิก มองหน้ากันยังยาก อย่ามาบอกจะมาพูดคุยหยอกล้อเหมือน “เพื่อนสนิท” ดุจเดิม เพราะฉะนั้นที่ทำได้คือ เดินออกมาจากความสัมพันธ์นั้นเสีย แล้วให้เวลาเยียวยาทุกอย่าง

“I’m not ready for commitment”
จะว่าไปประโยคนี้ก็ชัดนะคะ แปลง่าย ๆ เลยคือ “ยังไม่พร้อมที่จะมีความสัมพันธ์จริงจังหรือลงหลักปักฐานกับใคร” ได้ยินแล้วก็เตรียมเซย์กู๊ดบายได้เลย อย่าเป็นนางเอกนั่งรอจนกว่าเขาจะ “พร้อม” เพราะทันทีที่เขาพูดประโยคนี้ออกมา มันหมายความว่า เขาไม่คิดจะมีอนาคตร่วมกับเราตั้งแต่แรกแล้ว

“I need to focus on my career”
“อยากโฟกัสไปที่งานมากกว่า” ฟังแล้วอาจงงว่า “เอ๊ะ แล้วทุกวันนี้ไม่ได้ทำงานเรอะ” ก็เห็นวัน ๆ งก ๆ ทำแต่งาน เวลาจะเจอกันแทบไม่มี แต่ประโยคนี้ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน แปลง่าย ๆ ว่า เขาอยากเลิกกับคุณนั่นแหละ ส่วนเรื่องงานอะไรนั่นก็อ้างไปเรื่อย อย่าคิดมากให้เสียเวลาค่ะ

“You deserve better”
“เธอคู่ควรกับคนที่ดีกว่านี้” ฟังแล้วน้ำตาจะไหล มาแนวพระเอก/นางเอกเจียมตัวอีกแล้ว แต่อย่าหลงละเมอเพ้อพกคิดว่าเขามองเราเป็นดอกฟ้าที่สูงเกินเอื้อม เพราความจริงเขาแค่อยากบอกให้ต่างคนต่างไปก็เท่านั้น

“I think we are moving too fast”
ฟังแล้วคล้ายอยากบ่มเพาะความรักแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่รีบร้อนใช่มั้ยคะ แต่ความจริงแล้ว เขากำลังบอกว่า “เราเลิกกันเถอะ” เร็วช้าไม่ใช่เหตุผล ก็แค่คนหมดรักแล้วก็อยากเลิกค่ะ

"I think we need a break"
แปลตรงตัวก็คือ เราควรหยุดความสัมพันธ์นี้ ดังนั้นใครพยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่า "break" มันน่าจะแปลว่าหยุดพักชั่วคราว ให้เปลี่ยนความคิดนั้นได้เลย เพราะในบริบทนี้มันแปลว่าเลิกแน่ ๆ เลิกถาวรด้วยไม่ใช่ขอลาพักร้อนแป๊บ ๆ แล้วกลับมารักกันใหม่

อ่านมาถึงตรงนี้ก็อย่าเพิ่งเศร้าใจไป ซับน้ำตาซะ แล้วเอาเวลาตอนเป็นโสดไปพัฒนาตัวเองดีกว่า อย่างเช่นฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษยังไงล่ะคะ สนุกด้วย ได้ประโยชน์ด้วยนะ ยิ่งตอนนี้บ้านเรามีศูนย์สอนภาษาดี ๆ มากมาย แถมหลายแห่งยังมีโปรพิเศษสำหรับลูกค้าดีแทคด้วย ใครสนใจ ลองเช็คดูได้ที่ dtac reward นะคะ

โปรโมชันแนะนำ

บทความแนะนำ